แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ travelwithpack แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ travelwithpack แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

-Review Kyoto- เกียวโตวันที่ 3 รถไฟสายโรแมนติค>ป่าไผ่>สะพานทงเก็ตสึเคียว>วัดเบียวโด [เที่ยวเอง ผญ3คน]

เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง วันที่ 3
Monday April 9, 2018  

#JAPAN #TRAVELBYMYSELF #MYPLAN #NEWBLOGGER #บล็อคเกอร์หน้าใหม่ #เที่ยวเอง #วางแผนเอง #ญี่ปุ่น #osaka #kyoto #โอซาก้า #เกียวโต



เมื่อเราซื้อพาส 7 วัน พาสใช้ลดอะไรได้บ้างอย่าลืมใช้สิทธิ์กันนะ
พาสที่ใช้วันนี้มีอะไรบ้าง : Kansai-Hukuriku area Pass 7 days, Kyoto City Subway One-Day Pass + jr pass + sagano line

ซื้อ  Kyoto City Subway One-Day Pass ซัปเวย์อย่างเดียว Adult 600 yen
ที่ สถานีรถไฟใต้ดินได้เลย หรือตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของสถานีรถไฟใต้ดินทุกสถานีในเกียวโต

8โมง : เรา ใช้ Kyoto City Subway One-Day Pass นั่ง subway จากสถานี subway marutamachi ไปสถานีเกียวโต 

ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Kyoto City Subway One-Day Pass :  https://www.talonjapan.com/kyoto-subway-one-day-card/


9 โมง ใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days นั่ง JR จาก Kyoto station 京都駅 ไป Uji station

เป็นการใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days ครั้งแรก ดังนั้นต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ประทับตราวันที่ใช้งานครั้งแรกด้วย



ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days : http://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_hokuriku/
หมายเหตุ คงที่จะใช้บัตรนี้ก่อนซื้อ ต้องศึกษาว่าสายรถไฟใดบ้างที่ครอบคลุม หรือเมืองใดบ้างที่ครอบคลุมเพื่อที่เราจะได้เลือกพาสที่คุ้มที่สุดค่ะ


สถานที่  : ByodoIn Omote-sando (ถนนสายชาเขียว) 

การเดินทาง  : ใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days เพื่อนั่ง JR จาก Kyoto station 京都駅 ไป Uji station宇治駅


ถนนสายนี้จะมีพวกขนมที่ทำด้วยชา ขนมมีพวกแป้งห่อถั่วแดง ถั่วแดงห่อแป้งหรืออะไรทำนองนี้ สลับกันอยู่ชาเขียวจริงๆมีทั้งไอศกรีมชาเขียวใส่โคน ของหวานที่นี่ไม่หวาน ไม่หวานมาก มีผงชาเขียวโรยให้ด้วย หรือน้ำชาเขียว ข้างในก็เหมือนๆกัน ถึงแม้ว่าจะห่อต่างกัน



สถานที่  : Byodoin Temple (平等院, Byōdōin)

การเดินทาง  : เดินตามแผนที่นี่เลยผ่านถนนชาเขียวแล้วก็จะเข้าตัววัดนะ



ห้องโถงมีจุดเด่นอยู่ด้านหลังของเหรียญสิบเยนของญี่ปุ่น



วัดเบียวโดอิน (平等院, Byodoin Temple) เป็นตัวอย่างที่ดีมากของสถาปัตยกรรมแบบโจโดหรือ Buddhist Pure Land architecture

โดยประกอบไปด้วยการจัดสวนที่แสดงถึงดินแดนบริสุทธิ์ต่างอุดมคติในศาสนาพุทธและยังเป็นต้นแบบให้กับวัดที่สร้างในภายหลังอีกด้วย

เบียวโดอินถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 998 เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลในสมัยนั้นไม่ใช่เพื่อเป็นวัด แต่ลูกชายได้เปลี่ยนเบียวโดอินให้เป็นวัดในปี 1053 พร้อมกับสร้างห้องโถงฟินิกซ์ (Phoenix Hall)  ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และยังกลายเป็นสัญลักษณ์ด้านหลังของเหรียญเยนด้วย

อาคารเบียวโดอินนั้นถูกทำลายลง และสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่ห้องโถงฟีนิกซ์นั้นยังอยู่เหมือนเดิมตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่

อาคารหลังที่สำคัญสุดคือ “Hoodo” ที่เก่าแก่และสวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ตัวอาคารตั้งใจสร้างให้เป็นลักษณะคล้ายหงส์ในตำนานแบบจีน โดยมีอาคารตรงกลางเป็นส่วนของลำตัวหงส์ และมีปีกของอาคารออกไปสองข้าง

เป็นอาคารที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวย มีเงาสะท้อนจากน้ำและต้นไม้สวยๆโดยรอบ
นอกจากอาคารนี้แล้ว ยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่ให้เข้าชมด้วย แต่ภายในห้ามถ่ายภาพ   

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 600 เยน , วันปิดทำการ: เปิดให้บริการทุกวัน
เวลาเปิด-ปิด:   วัดเบียวโดอิน - 8:30 to 17:30 (entry until 17:15)

Treasure house 9:00 to 17:00 (entry until 16:45)


ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.japan-guide.com/e/e3923.html





ถ้าคุณสะสม ตราประทับ Goshuin แล้วนั้น
เมื่อเลี้ยวซ้าย ต้องเดินผ่าน Main Hall ไปก่อน จะเจอห้องที่รับเขียนตราประทับด้านซ้ายมือนะ
เมื่อได้ตราประทับแล้วก็สามารถย้อนกลับมาถ่ายรูปคู่กับ Main Hall ได้

นอกจากจะไปทำบุญตามวัดและศาลเจ้าในญี่ปุ่นแล้ว ลองมาไล่เก็บตราประทับหรือโกะชุอิน (Goshuin) ตามประเพณีโบราณกันดีกว่า…
โกะชุอิน (Goshuin) หมายถึง ตราที่เราจะได้รับการประทับเมื่อไปนมัสการวัดหรือศาลเจ้า ลักษณะเป็นตราประทับสีแดง พร้อมด้วยตัวอักษรเขียนด้วยหมึกสีดำ ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นมักจะนำกลับไปเก็บไว้ที่บ้าน โดยวางไว้ใกล้ๆ กับพระพุทธรูป ตัวอักษรที่เขียนด้วยหมึกอันงดงามรวมถึงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้โกะชุอินได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะเป็นผลงานศิลปะอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

“โกะชุอินโจ (Goshuincho)”
สมุดสำหรับเก็บสะสมตราประทับโกะชุอิน (Goshuin)
ประเทศญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้ามากมายมาตั้งแต่สมัยโบราณ และก็มีธรรมเนียมในการขอให้ทางวัดหรือศาลเจ้าที่ตนไปนมัสการนั้นช่วยประทับตราโกะชุอินนี้ลงบนสมุดโน้ตที่เรียกว่า โกะชุอินโจ (Goshuincho) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าได้เคยไปนมัสการมาแล้ว ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่นิยมเดินทางไปยังจุดเสริมดวง หรือที่เรียกกันว่าเป็น power spot (สถานที่ๆ ช่วยให้ดวงชะตาดีขึ้น) จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ “โกะชุอินโจ” กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ซึ่งก็มีหลายแบบหลากสไตล์ ทั้งแบบญี่ปุ่นโบราณ แบบหลากสีสัน หรือแบบที่มีคาแรคเตอร์จากการ์ตูนเรื่องต่างๆ เป็นต้น
การขอประทับตราโกะชุอิน (Goshuin)

  • 1. ตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้า
    เนื่องจากไม่ใช่วัดและศาลเจ้าทุกแห่งจะมีตราประทับโกะชุอิน จึงควรตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้าเพื่อความแน่ใจก่อนเดินทางไปนมัสการ
  • 2. เดินทางไปนมัสการด้วยตนเอง
    เนื่องจาก โกะชุอิน นั้นเป็นหลักฐานเพื่อยืนยันว่าบุคคลนั้นๆ ได้เดินทางมานมัสการยังวัดหรือศาลเจ้าแห่งนั้นๆ แล้ว จึงห้ามมิให้มีการซื้อขายกัน นอกจากนี้การเดินทางไปยังวัดหรือศาลเจ้าเพียงเพื่อไปขอประทับตราโกะชุอิน โดยไม่เข้านมัสการด้านใน ก็ถือเป็นการผิดมารยาทอีกด้วย
  • 3. เตรียมสมุด โกะชุอินโจ (Goshuincho) ของตนเองไปล่วงหน้า
    เนื่องจากเป็นการไม่สมควรที่จะขอให้ทางวัดหรือศาลเจ้าประทับตราโกะชุอินลงบนกระดาษหรือสมุดบันทึกทั่วไป จึงควรเตรียมสมุดโกะชุอินโจไปเองล่วงหน้า ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนสไตล์ญี่ปุ่น และมีจำหน่ายตามวัดหรือศาลเจ้าใหญ่ๆ อีกด้วย และด้วยดีไซน์ที่มีให้เลือกหลากหลาย เชื่อว่าทุกคนจะสามารถหาโกะชุอินโจที่ถูกใจได้อย่างแน่นอน
  • 4. รอด้วยความสงบเรียบร้อย
    หลังจากนมัสการเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ของทางวัดหรือศาลเจ้าได้ ว่าต้องการขอให้ประทับตราโกะชุอิน ซึ่งทางวัดและศาลเจ้าก็จะค่อยๆ ตั้งใจเขียนตัวอักษรให้ทีละตัวอย่างประณีตบรรจง เพราะฉะนั้นเราจึงควรรอเงียบๆ จนกว่าจะเขียนเสร็จ ซึ่งระหว่างรอ ก็ไม่ควรจะดื่มหรือทานอะไร ไม่ควรพูดคุยสัพเพเหระ และไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากจะเป็นการเสียมารยาท เช่นเดียวกันกับเวลาที่เราเข้านมัสการและสวดอธิษฐานขอพร
  • 5. กล่าวแสดงความขอบคุณ
    หลังจากได้รับตราประทับเรียบร้อยแล้ว ควรกล่าวแสดงความขอบคุณ หรืออาจบริจาคเงินเป็นการทำบุญก็ได้ ซึ่งไม่มีการกำหนดตายตัวว่าต้องเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่โดยทั่วไปมักอยู่ที่ประมาณ 300-500 เยน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Goshuin ภาษาไทย : https://www.jnto.or.th/newsletter/goshuin/

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Goshuin ภาษาไทย : http://www.kyotoursjapan.com/goshuin/

หลังจากที่เราออกจากวันเบียวโดเราก็อาหารกินนะคะ
เราเลือกกินร้านแรกที่เจอเลยอยุ่ซ้ายมือค่ะ





ร้านอยู่ตรงข้ามกับที่จอดรถ
 เราโชคดีที่ชั้นล่างเต็มก็เลยได้นั่งชั้นบน ซึ่งมีแค่กลุ่มเรา
วิวที่มองจากด้านบนลงไปค่ะ


สถานที่ : Fushimi Inari Taisha Shrine 伏見稲荷大社
ประมาณบ่ายโมง ใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days  เพื่อนั่ง JR จาก JR Uji Station宇治駅 ไป JR Inari Station 稲荷駅

ประมาณบ่าย 2 ถึง Inari Station เข้าห้องน้ำก่อนค่ะที่ทางออกแล้วก็เดินออกประตูหน้าห้องน้ำเลยเพราะว่าเค้าบอกว่าถ้าใช้พาสออกประตูนี้ได้



ศาลเจ้าเทพอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน 


ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว

ตัวอาคารศาลเจ้าเองก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
ทั้ง Romon Gate ทางด้านหน้า และ ตัวอาคารหลักที่เรียกว่า Honden  และยังมีส่วนประกอบศาลเจ้าที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง กระจายกันอยู่รอบๆบริเวณ และทางด้านหลังศาลเจ้าจะเป็นทางเดินขึ้นเขา ที่ปกคลุมไปด้วยเสาโทริอิ ซึ่งเสาโทริอิเหล่านี้ มาจากการบริจาค ทั้งจากคนและองค์กรต่างๆ สามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือข้างหลังเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่ร้อยเยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยนสำหรับเสาต้นใหญ่ๆ

ระหว่างทางเดินขึ้นเขาจะพบศาลเจ้าเล็กๆได้ตลอดทาง รวมถึงเสาโทริอิแบบเล็กๆ และจิ้งจอกตัวเล็กๆด้วย สำหรับคนที่งบน้อยสามารถเลือกบริจาคซื้อแบบเล็กๆเอามาวางได้เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจะมีร้านอาหารและขนมระหว่างทางที่ขายอาหารแบบชุดพิเศษให้เข้ากับสถานที่เช่น ซูชิจิ้งจอก อูด้งจิ้งจอก โดยถ้าจะเดินทั้งเขาอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร วนเป็นวงกลมลงมาที่จุดเดิม


ช่วงประมาณ 1 กิโลเมตรแรกของทางขึ้นเขาจะมีจุดชมวิวที่เรียกว่า ทางแยกโยซึซึจิ(Yotsutsuji intersection) ที่จะสามารถเห็นวิวเมืองโตเกียวได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะจบการเดินทางที่จุดชมวิวแห่งนี้เพราะทางเดินขึ้นเขาต่อไปก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเดิมนัก 



ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.japan-guide.com/e/e3915.html

ค่าเข้า : free.
เวลาทำการ : 24 Hours.







สถานที่ : Sagano Ramantic train [Kameoka- Arashiyama]
ประมาณ บ่ายสามโมงยี่สิบ ใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days เพื่อนั่ง JR จาก JR Inari Station 稲荷駅 ไป JR Umahori Stataion
เวลาประมาณสี่โมงยี่สิบ เดินจาก JR Umahori Stataion ไป Kameoka Torokko Station
วิธีการเดิน 

จากสถานีรถไฟ JR  Umahori เดินออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายเมื่อถืงทางลอดสะพานให้เลี้ยวซ้ายลอดสะพานไป แล้วเลี้ยวขวา







เรามีตั๋ว Sagano 16 Car no. 3

ออกจาก Kameoka Torokko Station トロッコ亀岡駅 เวลา 16.29 และถึง Arashiyama Torokko Station トロッコ嵯峨駅 เวลา 17.00









รถไฟ Sagano Romantic วิ่ง 25 นาทีจากสถานี Saga torokko ไปยังสถานี Kameoka torokko ตามความงามอันงดงามของ Hozukyo Ravir ทั้งสี่ฤดูกาลมีความน่ารื่นรมย์ต่างกัน 
รถจะออกจากสถานี Saga torokko เป็นสถานีแรกของรถไฟอยู่ติดกับสถานี JR Saga-Arashiyama สถานีนี้มีบริการเช่าจักรยาน และมีรถไฟจำลองที่มีขนาดเล็กที่จัดทำขึ้นใหม่
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://sagano-kanko.co.jp/en/
ค่าโดยสาร : ราคาปกติ (เที่ยวเดียว) ผู้ใหญ่  620 เยน [12 ปี ขึ้นไป]
เด็ก310 เยน [1-11 ปี]
เวลาทำการ : 9.00–18.10 ตามตารางรถไฟ


เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เรามาถึง Arashiyama Torokko Station トロッコ嵯峨駅 

ไม่ใช่ป้ายสุดท้ายแต่เราลงที่นี่เพื่อไปป่าไผ่



หลังจากถ่ายรูป 10 นาที่ที่หน้ารถไฟแล้ว เราเดินไป Arashiyama Bamboo Grove กัน





ประมาณ 5โมง 20 นาที มาถึง Arashiyama Bamboo Grove
สถานที่ : Arashiyama Bamboo Grove


เป็นเส้นทางเดินเล็กๆที่ตัดผ่านในกลางสวนป่าไผ่ สามารถเดินเล่นหรือขี่จักรยานผ่านก็ได้ ให้บรรยากาศที่แปลกและหาได้ยาก ยิ่งถ้าช่วงไหนที่มีแสงอาทิตย์รอดผ่านตัวป่าไผ่ลงมายังพื้นด้านล่างก็จะยิ่งสวยมาก โดยเฉพาะถ้ามีลมพัดมาพร้อมกันก็จะเป็นเสียงกิ่งก้านของต้นไผ่กระทบกันไปมา บริเวณใกล้ๆจะเป็นร้านขายของพื้นเมืองที่ทำมาจากต้นไม้ เช่น ตะกร้าไม้ไผ่, ถ้วย, กล่องใส่ของ หรือเสื้อเสื้อสานจากไผ่ เป็นร้านดั้งเดิมของคนท้องถิ่น

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี 
เวลาเปิด-ปิด: เปิด 24 ชม. 


สถาที่ : Togetsukyō Bridge หรือ Moon Crossing Bridge /free
เราเดินจาก Arashiyama Bamboo Grove มาที่สะพานนี้



สะพานไม้ เดินไปถ่ายรูป Moon Crossing Bridge” เป็นหนึ่งในสัญลักษ์ของเมืองอาราชิยาม่า ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอันและมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เรื่อยๆ สะพานนี้มีความสวยงามอย่างมากเพราะด้านหลังนั้นเป็นภูเขาสูงใหญ่และด้านล่างเป็นแม่น้ำที่ทั้งสองฝั่งมีแนบต้นซากุระเรียงรายเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นจุดชมซากุระที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ผู้คนนิยมมาเดินเล่นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงเทศกาลฮานามิหรือฤดูชมซากุระ

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน
เวลาเปิด-ปิด: เปิด 24 ชม.

เส้นทาง : เกียวโต — Marutamachi สถานีซับเวย์   เพื่อรับกระเป๋าที่ฝากไว้ Bird Hostel.

สำหรับการจองและถามข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางที่พักได้ที่นี่ นะคะ

ใช้ Kyoto City Subway One-Day Pass เพื่อนั่ง subway จาก Kyoto station ไป Marutamachi Station และเดินไป Bird Hostel. เพื่อรับกระเป๋าที่ฝากไว้


เส้นทาง : Marutamachi — Kyoto Station.

เรารับกระเป๋าที่ฝากไว้ ก็กล่าวขอบคุณและอำลา พร้อมกับลากกระเป๋าไปสถานี Marutamachi
มันยากลำบากมากสำหรับกระเป๋าที่มีของเยอะและใบใหญ่เพราะสถานีนี้ไม่มีลิฟท์นะคะ

เราใช้ Kyoto City Subway One-Day Pass เพื่อนั่ง subway จาก Marutamachi Station ไป Kyoto station.
ดังนั้นวันนี้เราใช้ Kyoto City Subway One-Day Pass 3 ครั้งด้วยกันค่ะ 
ก่อนเดินทางได้ศึกษาข้อมูลแล้วว่าราคาปกติ ผู้ใหญ่ 210–350 yen ต่อครั้ง
ดังนั้นถ้าเราใช้มากกว่า 3 ครั้งแน่ๆ เราซื้อ Kyoto City Subway One-Day Pass คุ้มกว่า
นั่นก็หมายความว่าเราต้องวางแผนเที่ยวของแต่ละวันเสร็จแล้วเราถึงจะสามารถเลือกพาสได้


สถานที่ : Drop Inn Osaka (hostel)

สำหรับการจองและถามข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางที่พักได้ที่นี่ นะคะ 

เราใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days เพื่อนั่ง Jr จาก Kyoto sta.京都駅 ไป Osaka Station 大阪駅
และใช้ Kansai-Hukuriku area Pass 7 days เพื่อนั่ง Jr Osaka loop line ไป Fukushima Station 福島駅
และเดินไป Drop Inn Osaka ホステル ドロップイン大阪 เพื่อ Check in และพักผ่อนที่นี่ 5 คืนด้วยกันค่ะ 

— จบไปแล้ว 1 วันเร็วมากเลยค่ะการพักผ่อนเนี่ย — 

ข้อคิดในวันนี้
เพราะฉันคิดว่าถ้าฉันจะเดินทางไปในเมืองสองเมืองเช่นเกียวโตและโอซาก้าฉันต้องจองโรงแรมสองแห่งด้วยกัน แต่หลังจากที่ฉันเดินทางครั้งนี้ฉันเปลี่ยนไอเดีย ถ้าฉันจะไปเที่ยวบริเวณคันไซอีกครั้งฉันจะจองโรงแรมใกล้กับสถานีรถไฟขนาดใหญ่เช่นโอซาก้าหรือเกียวโตเพื่อไปเที่ยวที่นั่น เนื่องจาก Jr Pass ครอบคลุมทุกสถานที่จึงมีเส้น Jr จึงใช้งานได้ง่าย


ฝากติดตามรีวิวดีๆ ที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นประโยชน์นะคะ







Day5 [Taipei bus station>SML>วัดพระถังซัมจั๋ง>Rope way>Wenwu Temple]-Taiwan April 8-15, 2017 ไต้หวัน ฉบับ ผู้หญิง 2 คน เดินทางเอง


Day 5 12042017 พุธ Wednesday

[ Taipei bus station / sun moon lake / วัดพระถังซัมจั๋ง / lalu island / Rope way / Wenwu Temple ]

วันนี้เราต้องออกนอกเมืองวันแรก
ไป #Sun moon lake 日月潭 / Rìyuètán

สำหรับ route ที่แพ็กใช้เดินทาง 3 วัน 2 คืนTAIPEI BUS STATION > SML > ALISHAN > CHIAYI > TAIPEI

โดยแต่ละ route ใช้การเดินทางแบบนี้ค่ะ

TAIPEI BUS STATION > SML... bus king bus kuo-kuang (no 1833)

SML > ALISHAN... bus Nan Tou Bus (no 6739)

Alishan 阿里山發車Down Mountain 下山 > Chiayi HSR Station 嘉義高鐵車站
... bus no 7322 

CHIAYI > TAIPEI... THSR


ข้อมูลการเดินทางไป Sun Moon Lake   แพ็กย่อว่า sml นะคะ

เว็บไซด์ตรวจสอบตารางเวลาการเดินทาง
รถบัสจากสนามบินเถาหยวน : https://goo.gl/oV6joD
รถไฟความเร็วสูง : https://www.thsrc.com.tw/index_en.html?force=1
รถไฟธรรมดา : http://www.railway.gov.tw/en/index.aspx
รถบัสจาก Taichung → Sun Moon Lake : http://www.ntbus.com.tw/en-sml.html


วิธีเดินทางไป Sun Moon Lake
โดยสรุปแล้ววิธีการเดินทางจาก Taipei ไปยังทะเลสาปสุริยันต์จันทรา หรือ Sun Moon Lake มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี ดังนี้ครับ

1. นั่งรถไฟ TRA จาก Taipei Main Station ไป ไทจง Taichung
แล้วต่อรถบัส Nantou ไป Sun Moon Lake
ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 50 นาที 
ราคา 565 TRA 375 + BUS 190 NTD
ราคาถ้าซื้อรวมกับ SML PASS 1095 TRA 375 PASS 720
***วิธีนี้จะใช้เวลาใกล้เคียงกับการนั่งรถบัสโดยตรง ประกอบกับที่สถานีนี้ไม่มี Sun Moon Lake Pass ขาย แต่จะต้องเดินไปซื้อที่ท่ารถบัส Taichung Gengcheng (南投客運台中干城站) 
การเดินทางด้วยวิธีนี้จึงไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยัง Sun Moon Lake โดยตรง


2. นั่งรถไฟ THSR จาก Taipei Main Station ไป ไทจง Taichung HSR
แล้วต่อรถบัส Nantou ไป Sun Moon Lake
ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที
ราคา 890 THSR 700 + BUS 190 NTD
ราคาถ้าซื้อรวมกับ  SML PASS 1420 THSR 700 PASS 720
***วิธีนี้เร็วสุด แต่ก็แพงที่สุดด้วย
ในสถานี Taichung THSR (อยู่คนละที่กันกับ Taichung TRA นะ) 
มี Counter ขาย Sun Moon Lake Pass ไม่ต้องเดินมาซื้อเหมือนที่สถานี ไทจง
เหมาะสมหรับคนที่อยากไปถึง SML เร็วที่สุด และคนที่ต้องการเที่ยวเมืองไทจงก่อน

3. นั่งรถบัส Kuo-kuang สาย 1833 จาก Taipei West Bus Station Terminal B
ไปยัง Sun Moon Lake โดยตรง ไม่ต้องต่อ
ใช้เวลา 4 ชั่วโมง
ราคา 460  NTD
ราคาถ้าซื้อรวมกับ SML PASS 850 BUS 460 PASS 390 
***วิธีนี้สะดวกที่สุดค่ะ ประหยัดที่สุดด้วย
เพราะไม่ต้องลากกระเป๋าไปต่อรถที่ไหน สามารถเดินทางมาแล้วถึง Sun Moon Lake ที่ Shuishe Visitor Center เลย 
โดยการนั่งรถบัสจะต้องไปขึ้นที่ท่ารถ Taipei Bus Station
ถ้าซื้อตั๋วเป็นแบบ Round-Trip ก็จะยิ่งถูกลงอีก
แนะนำว่าควรหาเวลาซื้อตั๋วรถบัส 1833 ที่เซเว่นที่มีตู้ Ibon นะคะ
 >> แพ็กเลือกแบบนี้เพราะไม่อยากไปต่อให้วุ่นวาย
#travelwithpack
ราคาเป็นราคาปกติ ยังไม่หักส่วนลด เมื่อปี 2016

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

แพ็กซื้อตั๋ว THSR จาก CHIAYI>TAIPEI ผ่านทาง KKDAY ค่ะ
ขั้นตอนการซื้อตั๋ว KK DAY
1) กรอกรายละเอียดให้ครบ และตรวจสอบ passport no. ชื่อนามสกุล ที่กรอกลงในเว็บให้ถูกต้อง

2) เมื่อขำระเงินแล้ว จะได้รับ อีเมลล์ confirm กับ E-Voucher (E-Voucher มีอายุ 90 วันหลังจากวันที่ออก)

3) พอถึงวันเดินทาง เราก็นนำ E-Voucher พร้อม passport ไปยื่นที่ เคาน์เตอร์ HSR ที่สถานีไหนก็ได้ค่ะ แล้วเราก็เลือกวัน เวลา ที่เราจะไป

4) ทาง THSR ก็จะปริ้นออกตั๋วโดยสารให้เราค่ะ เราก็นำตั๋วนั้นไปใช้ได้ค่ะ

5) ออกเดินทางได้

**วันเวลา ที่ออกเดินทาง ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ถ้าหากมีการออกเป็นบัตรโดยสารจาก HSR พร้อมระบุที่นั่งแล้ว
**ถ้าต้องการเปลี่ยนจริงๆ ทาง THSR คิดค่าธรรมเนียม 10% ของราคาตั๋ว


Kkday get ticket of HSR Itinerary
STEP1. Voucher will be sent to your e-mail after booking(9:30 - 18:00)
STEP 2. Collect train ticket with your designated train schedule at HSR counter

Getting the one-way ticket
STEP 3.Present the ticket to the staff

Included  【One way】High Speed Railway single ride ticket

Types of Vouchers
Please present the voucher along with your passport

Reminder
The voucher will be valid within 90 days after issued.
Cancellation for unassigned seats has a service fee of 10%, for assigned seats no refund will be granted.
Changing information comes with a 10% boarding fee. 

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ซึ่งจากข้อมูลนี้ราคาเปลี่ยนแปลงแล้วนะคะ
In 2018 Price had changed to 400 NT
for more information เพิ่มเติมอ่านที่นี่เลยนะ  
http://www.ntbus.com.tw/en-p-1.html

Sun Moon Lake PASS (NT400)
Contentoriginal fare
‧Sun Moon Lake Ropeway round-trip VoucherNT300
‧Boat Voucher (Boat tours are available at the pier of Shueishe, Ita Thao and the Xuanguang Temple.)NT300
‧Round-the-Lake Bus one day pass VoucherNT80
‧Shuishe - Xiangshan Bus one-way VoucherNT25
TotalNT705
Where to Buy
Nantou Bus『Puli transfer Station』、
Nantou Bus『Sun Moon Lake Station』、  แนะนำซื้อที่นี่นะ {RECOMMEND}
7-11 i-bon

จากตารางหมายความว่าถ้าซื้อแยก 705 NT แต่ถ้าซื้อพาส 400 NT

FROM THIS TABLE THAT LET YOU KNOW
『IF YOU BUY EACH VOUCHER TOTAL 705 NT』
『IF YOU BUY PASS TOTAL 400 NT 』


หลังจากเก็บข้อมูลแล้วเรามาเริ่มเดินทางกันค่ะ


จาก DAY2 เราใช้ IBON ที่ เซเว่น ตู้ไปรษณีย์เอียง
โดยร้องขอให้พนักงานเซ่เว่นออกตั๋วรถบัสไปซันมูนเลคให้
พนักงานเค้าใจดีมากเลยค่ะ  โทรตามบริษัท ibon ให้ด้วย
เพื่อให้สามารถขายตั๋วให้ได้

ดังนั้น เราจึงได้ตั๋วรสบัสสำหรับ route นี้มาค่ะ
Taipei bus station  > Rìyuètán [ Sun Moon Lake. ]


หน้าตาตั๋ว Taipei - Sun Moon Lake. เป็นแบบนี้






























จากตั๋วที่ได้ซื้อมาแล้ว 
สถานที่ขึ้นรถ บัส ไป ซันมูนเลค
Taipei Bus Station (ตึกด้านหลัง Taipei Main Station)
#Taipei Bus Station 臺北轉運站
website : taipeibus.com.tw
tel :  +886 2 7733 5888






เมื่อเข้าตัวอาคารแล้ว
ขึ้นรถได้ที่ ช่องจอดรถชั้น 2
ช่องที่ 14
(400NT)
เวลา ~ 7.30 ขึ้นรถบัส รอบ 8 โมง king bus kuo-kuang (no 1833)

 บรรยากาศภายในรถ










วิวระหว่างทางไปซันมูนเลค












แผนที่แสดงเส้นทางที่จะมาซันมูนเลค






ใกล้ถึงแล้วค่ะ











#Sun Moon Lake
日月潭國家風景區
Nantou County, Taiwan

เมื่อมาถึง Sun Moon Lake ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหนก็ตามรถบัสจะมาจอดที่ป้าย (Shueishe Visitors Center)  日月潭(水社遊客中心)

จุดที่รถบัสจอด  gps 23.866642, 120.911143

เรามาถึง Shueishe visitor center เวลา ~ 12.30
ที่นี่จะมีจุดสำหรับซื้อ Sun Moon Lake Pass

 


และต้องแลกรับตั๋วรถบัสไป สำหรับเดินทางอาลีซานในวันรุ่งขึ้น 
ได้ที่ box ofiice Nan Tou Bus
ยื่นเอกสารที่เราจองผ่านทางอีเมล์






ชำระเงินสดและรับตั๋วนี้มานะ
เวลาคือ 09.00 น.
รถบัส No. 6739








หลังจากนั้นหาร้านอาหารกินข้าวกันก่อนนะคะ
แล้วก็เอาตั๋วเรื่อที่ได้จาก Sun Moon Lake pass ไปขึ้นเรื่อเพื่อไปวัดพระถังซัมจั๋งและเกาะที่เล็กที่สุดกันค่ะ










รอขึ้นเรือกันค่ะ
#ล่องเรือ #ทะเลสาบสุริยันจันทรา
[Weekdays 10.30-16.00 ticket time 10.00-15.30]
แพ็กกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่ shueishe visitor center เอา PASS ไปแลกตั๋วเรือที่ shueishe visitor center เที่ยวสุดท้าย ดูเวลาด้วยนะ
ท่าเรือมี 3 ท่า shueishe / syuanguang / Ita thao
Wharf 1/wharf 1/ wharf3
red / green / pink ควรถามพนักงานอีกที เพราะแพ็กได้สีฟ้าแหละ
13.30/13.50/14.10
14.00/14.20/14.40
14.30/14.50/15.10
15.00/15.20/15.40
15.30/15.50/16.10
16.00/16.20/16.40
16.30/16.50/สุดท้าย17.10+17.40
รอบสุดท้าย 17.00/17.20/--

โปรแกรมท่องเที่ยวรอบทะเลสาบ

> นั่งเรือจาก Shueishe Pier ไปยัง Xuanguang Pier เที่ยววัด Xuanguang

มีจุดชมวิวบนวัด

*วิวเกาะที่เล็กสุดในโลก lalu

*วัดพระถังซัมจั๋ง+ชิมไข่ใบชา

> นั่งเรือจาก Xuanguang Pier ไปยัง Ita Thao Pier 

เดินต่อไปยัง Sun Moon Lake Ropeway Station 

*ระหว่างทางมีร้านอาหาร และวิวทะเลสาบสวยๆ

> ขึ้นกระเช้าที่ Sun Moon Lake Ropeway Station ไปยัง Formosan Aboriginal Culture Village 

*เห็นวิวทะเลสาบในมุมสูง

*ถ่ายรูปด้านหน้า Formosan Aboriginal Culture Village แต่ไม่ได้เข้าไปนะ

> นั่งเรือกลับ Shueishe Pier

เดินไปที่ Shueishe Visitor Center

> ขึ้นรถสาย 6669 ไปที่วัด Wenwu Temple ด้วยรถเดิม

> กลับ Shueishe Visitor Center ด้วยรถเดิม




มาดูแบบละเอียดกัน
จากจุดที่รถจอดและเราซื้อ sml pass (อยู่ด้านขวา)
เดินตรงมาแล้วเลี้ยวขวา เห็นวิวแบบนี้
ด้านหน้ารถกระบะ มีป้ายแดงน้ำเงินคือจะมีทางเลี้ยวซ้ายให้ไปลงเรือ




:: เมื่อเลี้ยวซ้ายมาจะเห็นวิวแบบนี้





:: เมื่อถึงท่าเรือพนักงานจะเก็บตั๋วเราไปและแสตมป์ด้วยหมึกสีแดงที่หลังมือ ขึ้นเรือครั้งต่อไปก็โชว์หลังมือ




ถามพนักงานว่าเราได้ pier ไหน









วิวเกาะที่เล็กสุดในโลก lalu




:: เรือแล่นอย่างช้าๆ ประมาณ 10 นาทีก็มาถึง Xuanguang Pier จากท่าเรือนี้จะเดินไปเที่ยววัด 170 เมตร เป็นบันได ร่มรื่นด้วยแนวต้นไม้ตลอดทาง วัดอยู่บนเนินเขา ระหว่างทางเห็นวิวทะเลสาบจากมุมสูง กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ คือไหว้พระ และถ่ายรูปกับก้อนหิน










ขึ้นท่าเรือนี้จะต้องเดิน 170 เมตร เป็นแบบ up hill นะ
เพื่อไปวัดพระถังซัมจั๋ง+ชิมไข่ใบชา



ซื้อชิมไข่ใบชาติดกระเป๋าไว้เวลาที่เราหิวก็หยิบมากิน


ไข่ใบชา ใบเดียว 13 NT
2 ใบ 25 NT
4 ใบ 50 NT




ตามป้ายไปต่อค่ะ





เค้าบอกว่าร่มเปียกให้วางไว้ตรงนี้ค่ะ








ตรงนี้จะเห็นว่ามีคนต่อแถวถ่ายภาพกับก้อนหินเยอะมาก
ด้านหลังก็ยังเห็น เกาะ lalu ด้วย



ด้านหน้าของวัดค่ะ


เดินไปด้านหลังจะพบกับหินก้อนนี้ค่ะ
ไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไรแต่ว่า ถ่ายดีกว่า ไม่มีใครมาแย่ง





ด้านหลังของหินก้อนเดียวกันเป็นแบบนี้ค่ะ
ตกใจเลยเพราะว่าเอามือไปจับหิน
ต้องขอโทษด้วยนะคะ


เราใช้เวลาชมวัดไม่นาน ก็ต่อเรือไปยังจุดถัดไป Ita Thao Pier
โดยเรากลับไปนั่งเรือที่ท่าเรือเดิม 

รอบนี้ได้เรือแบบนี้



ลงจากเรือจะเจอกับ Ita Thao Visitor Center 

อย่าลืมเก็บตราประทับที่นี่นะคะ








เราเดินต่อไปยังสถานีกระเช้า Sun Moon Lake Ropeway Station


























 อาคารที่ตั้ง Rope Way





ต่อแถวขึ้นกระเช้า กระเช้านั่งได้ 8คน 
ช่วงที่คนเยอะๆ จะต้องนั่งจนเต็ม 
ช่วงที่คนน้อยจะได้ขึ้นแบบเป็นส่วนตัว
ระหว่างอยู่ในแถวให้ฉีกคูปองกระเช้าเตรียมให้เจ้าหน้าที่ 




เมื่อกระเช้าขึ้นสูงได้ระดับ เราจะเห็นทะเลสาบในมุมสูง มีแนวภูเขาล้อมรอบ








สูงสุดของกระเช้าจะเป็น Formosan Aboriginal Culture Village
ถ่ายรูปที่หน้าทางเข้าเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปด้านในค่ะ
ค่อยข้างเงียบสงบ คนน้อย สะอาด สามารถนั่งกินไข่ใบชาก่อนกลับลงไปได้


















ไข่ซื้อมาจากวัดพระถังซัมจั๋ง เป็นไข่ใบชา


ขึ้นกระเช้ากลับ






















เดินทางเดิมย้อนกลับไป Ita Thao Pier เพื่อนั่งเรือกลับไปที่ Shueishe Pier








นั่งเรือกลับไปยัง Shueishe Pier
เดินต่อไปยัง Shueishe Visitor Center

ภารกิจสุดท้ายของทริปนี้อยู่ที่ Wenwu Temple 

#นั่งบัสไป #wenwu #temple ให้นั่งรถบัสไปวัดและนั่งกลับ Shueishe Visitor Center 

#เราจะต้องนั่งรถบัสสาย 6669 ไปลงที่หน้าวัด 

จุดขึ้นรถจะอยู่ที่ Shueishe Visitor Center 
ให้ยืนเข้าแถวตรงป้าย 6669 
หากไม่แน่ใจสามารถถามพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นได้

นี่คือบริเวณด้านหน้าของ Shueishe Visitor Center 

และนี่คือป้ายรถบัสสาย 6669   เป็นรถบัสที่วิ่งรอบทะเลสาบ
ที่จะนั่งไป wenwu temple
รถสายนี้ รอค่อนข้างนาน และเวลาที่รถมาถึงก็ไม่ตรงกับตาราง
ใช้คูปองหมายเลข 6 ยื่นให้กับคนขับรถ คนขับรถจะเปลี่ยนเป็นตั๋วแบบ 1 วันให้ เป็นกระดาษคาร์บอนขาว

ตารางรถ โหลดได้ที่นี่
http://www.ntbus.com.tw/en-s03.html






วัด Wenwu สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1938 สร้างเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าต่างๆ ตัวอาคารของวัด 
แบ่งเป็น 3 อาคาร มีรูปแบบสถาปัตยกรรมจากพระราชวังของจีน



รูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อปกป้องวัด




































ตู้เสี่ยงเซียมซีที่นี่ทำได้แบบสงบไม่ต้องเขย่า
ถ้าจะปริ้นเสียเงิน 10 NT







ชมเสร็จก็รอรถบัสกลับ Shueishe Visitor Center 
ป้ายหยุดรถจะอยู่ฝั่งเดียวกับวัด 
นั่งสายเดิมกลับ 6669 ตอนขึ้นรถโชว์ตั๋วใบสีขาวให้เค้าดู 
หลังจากนี้จะเดินทางกลับแบบเดียวกับขามา

กลับจากวัดมาแล้วไม่มีอะไรทำนอกจากกินก็เดินช็อปบริเวณที่พักนะคะ




กินอันนี้ที่เซเว่น SML ก่อนนอนค่ะ
อร่อย 555
การซื้อเราหยิบกระดาษสีเหลืองมาจ่ายเงินนะคะ
พนักงานเค้าจะมากดให้ค่ะ



















ที่พักของเราที่ sml ค่ะ
















นอนหลับพรุ่งนี้ลุยต่อ
พรุ่งนี้เป็นวันที่จะผิดพลาดไม่ได้เลย เด๋วตกรถ